ในช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ในปี 2024 นี้ ทางทีมผู้บริหารของคลินิก Deep & Harmonicare IVF Center ได้นำชุดเช็ทขนมไหว้พระจันทร์สุดพรีเมี่ยมมาแจกให้กับบุคคลากรภายในคลินิก
นอกจากทางคลินิก Deep & Harmonicare IVF Center จะมีการแจกขนมให้กับพนักงานแล้ว วันนี้ทางคลินิก Deep & Harmonicare IVF Center ก็อยากจะนำความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเทศกาลไหว้พระจันทร์และขนมไหว้พระจันทร์มาฝากคนที่กำลังติดตามเพจคลินิก Deep & Harmonicare IVF Center ของเรากันค่ะ
1. เทศกาลไหว้พระจันทร์คืออะไร ?
เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง (中秋节) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 (วันเพ็ญเดือน 8) ชาวจีนเริ่มไหว้พระจันทร์กันมาตั้งแต่สมัยราชวงค์ฮั่น เพื่อขอพรให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความอุดมสมบรูณ์ เพราะชาวจีนเชื่อกันว่า “ดวงจันทร์คือเทพธิดาแห่งความสมบรูณ์” เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ ชาวจีนก็จะทำพิธีไหว้พระจันทร์และชื่นชมพระจันทร์ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง
เทศกาลไหว้พระจันทร์ไม่ได้เฉลิมฉลองแค่ในประเทศจีนแผ่นใหญ่ แต่ยังมีการเฉลิมฉลองในประเทศอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกับประเทศจีนด้วย เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม หรือ สิงคโปร เป็นต้น พอถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ในแต่ละครัวเรือนก็จะมีการประดับตกแต่งโคมไฟสีแดงไว้หน้าบ้านและในบางพื้นที่ก็อาจจะมีการเชิดมังกรไปรอบๆ เมือง
ในช่วงแรกเทศกาลไหว้พระจันทร์ถูกจัดขึ้นเพื่อไว้ขอพรเทพเจ้า แต่ในภายหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ถูกนำมาใช้ “เป็นเครื่องมือในการทำสงครามและกอบกู้เอกราชจากชนชาติมองโกลเลียของชาวจีน” แต่หลังจากที่สงครามระหว่างจีนและมองโกลเลียสิ้นสุดลง เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ยังคงมีอยู่และสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน ในปัจจุบันไม่ได้มีจุดประสงค์ในการใช้ “เทศกาลวันไหว้พระจันทร์” ไว้ทำสงครามอีกต่อไปแล้ว แต่ยังคงเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ไว้ก็เพราะว่าเป็นเทศกาลสำคัญและถือว่าเป็นอัตลักษณ์ของคนจีน
2. ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ มีตำนานอะไรบ้าง ?
ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ของจีนมีที่มาจากหลายแหล่ง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่า “ตำนานเรื่องไหนเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน” แต่วันนี้ทางเราชาว Deep & Harmonicare IVF Center จะขอยกตำนานที่คนเล่าขานกันแบบรุ่นสู่รุ่น มาเล่าให้ฟังกันค่ะ
ตำนานฉางเอ๋อร์เหาะไปบนดวงจันทร์ ( 嫦娥奔月 )
ตามตำนานเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีวีรบุรุษคนหนึ่งชื่อว่า โฮ้วอี้ (后羿) เค้าเป็นคนที่ทำให้ประชาชนกลับมาอยู่เย็นเป็นสุขอีกครั้ง เนื่องจากในสมัยก่อนเมื่อนานแสนนานมาแล้ว มีดวงอาทิตย์ 10 ดวงขึ้นมาบนโลก ทำให้เกิดอากาศที่ร้อนระอุจนประชาชนเดือนร้อนและไม่ได้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โฮ้วอี้เลยตัดสินใจขึ้นไปบนท้องฟ้าและยิงดวงอาทิตย์ให้ตกลงมา 9 ดวง ภายในครั้งเดียว ทำให้บนโลกเหลือดวงอาทิตย์แค่ดวงเดียวและประชาชนก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้โฮ้วอี้ได้รับการยกย่องจากประชาชนให้เป็น “วีรบุรุษแห่งธนู” ต่อมาเขาก็ได้แต่งงานกับ ฉางเอ๋อร์ (嫦娥) เธอถูกขนานนามว่าเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามพร้อมทั้งหน้าตาและจิตใจ ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอย่างสงบสุข จนมีอยู่วันหนึ่งเทพธิดาหวางมู่ได้เห็นถึงคุณงามความดีของโฮ้วอี้จึงประทาน “ยาที่กินแล้วเป็นอมตะ” ให้แก่เขา แต่เขากลับมอบยานี้ให้กับภรรยาอันเป็นที่รัก ในเวลาต่อมาโฮ้วอี้ต้องออกไปล่าสัตว์ ทำให้ฉางเอ๋อร์ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านตามลำพัง และเมื่อ “เผิงเมิง” อันธพาลเจ้าเมืองรู้ข่าวนี้จึงจะอาศัยจังหวะนี้เข้ามาขโมย “ยาที่กินแล้วเป็นอมตะ” เผิงเมิงบังคับให้ฉางเอ๋อร์ส่งมอบยาอมตะมาให้แก่เขา แต่ฉางเอ๋อร์ไม่ยอม เลยตัดสินใจกินยาอมตะเข้าไป ทำให้ร่างกายของนางลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและก็ได้กลายเป็น “เทพธิดาแห่งดวงจันทร์” ด้วยความที่นางรักสามีของนางมาก นางจึงเลือกที่จะไปสถิตอยู่บนดวงจันทร์เพื่อที่จะได้เฝ้ามองเห็นสามีได้ใกล้ที่สุด หลังจากที่โฮ้วอี้กลับมาบ้านแล้วไม่พบฉางเอ๋อร์ เขาจึงพยายามร้องเรียกหาภรรยาแต่กลับไม่พบเจอใครอยู่เลย เขาได้แต่ร้องไห้และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นเข้ากับเงาภรรยาอันเป็นที่รักของเขาอยู่บนดวงจันทร์ เขาเลยเหาะขึ้นไปบนดวงจันทร์เพื่อตามหาภรรยาทันที แต่ยิ่งตามหาเงานั้นเท่าไหร่ เงานั้นก็ยิ่งวิ่งหนี ไม่ว่าอย่างไรโฮ้วอี้ก็ไม่สามารถตามเงานั้นได้เลย ทำให้เขาโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ประชาชนที่ต่างเคารพรักในตัวโฮ้วอี้พอได้ทราบข่าวของฉางเอ๋อร์ก็เกิดความรู้สึกสงสาร เหล่าชาวบ้านจึงรวมตัวกันจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาเพื่อไหว้ขอพรให้ฉางเอ๋อร์พบเจอแต่สิ่งดีๆและมีแต่ความสุขสงบร่มเย็น ทำให้ประเพณีการไหว้พระจันทร์จึงถูกสืบทอดโดยนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
ตำนานอู๋กั่งตัดต้นกุ้ย ( 吴刚伐桂 )
ตามตำนานเล่าขานกันว่า ต้นกุ้ยที่อยู่ด้านหน้าพระราชวังกว่างหันที่ตั้งอยู่บนดวงจันทร์ได้เจริญเติบโตงอกงามและสูงประมาณพันกว่าเมตร โดยด้านล่างจะมีคนๆหนึ่งตัดต้นกุ้ยอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกๆครั้งเขาสามารถตัดต้นกุ้ยให้ล้มลงได้ แต่สุดท้ายแล้วต้นกุ้ยก็จะงอกและกลับขึ้นไปอยู่ที่เดิม ชาวบ้านเล่ากันปากต่อปากว่า คนที่ตัดต้นกุ้ยมีชื่อว่า “อู๋กัง” เขาเคยตามเทพเซียนไปปฏิบัติธรรม แต่พอถึงสวรรค์เขากลับทำผิดกฏสวรรค์ เทพเซียนก็เลยลงโทษให้เขาไปตัดต้นกุ้ยที่พระราชวังบนดวงจันทร์ นี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เมื่อชาวบ้านมองขึ้นไปบนดวงจันทร์ ก็มักจะเห็นเงาคนกำลังตัดต้นกุ้ยอยู่แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
3.ขนมไหว้พระจันทร์มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ยังไง ?
ขนมไหว้พระจันทร์ (月饼) มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายพระจันทร์ “คนจีนมักจะใช้ขนมไหว้พระจันทร์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล” โดยในมุมมองของคนทั่วไปอาจจะเข้าใจแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วประวัติความเป็นมาของขนมไหว้พระจันทร์มีเบื้องลึกเบื้องหลังและมีความลับที่ซ่อนอยู่ลึกมากกว่านั้น
ความจริงแล้ว “ขนมไหว้พระจันทร์” ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกอบกู้อิสระภาพให้กับชาวจีน เนื่องจากในสมัยก่อนมองโกลเลียเข้ามายึดครองจีนแผ่นดินใหญ่ มองโกลเลียได้ทรุณกรรมและกดขี่ชาวจีนอย่างโหดเหี้ยม โดยในทุกๆ ครัวเรือนจะมีการส่งทหารมองโกลเข้าไปควบคุมคนจีนอย่างน้อยครัวเรือนละ 1 คน ยิ่งชาวมองโกลเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นเท่าไหร่ คนจีนก็ยิ่งถูกทรุณกรรมมากขึ้นเท่านั้น จนชาวจีนไม่สามารถทนไหว จึงมีความคิดที่จะรวมตัวกันปฏิวัติและขับไล่ชาวมองโกล วิธีการที่คนจีนจะสามารถใช้กำจัดชาวมองโกลได้อย่างแนบเนียนในตอนนั้นนั่นก็คือ การโจมตีแบบกองโจร มีชาวจีนคนหนึ่งได้คิดวิธีขึ้นมาด้วยการ ” นำข่าวสารที่เป็นกระดาษยัดใส่ไว้ในไส้ขนมไหว้พระจันทร์และนำขนมไหว้พระจันทร์ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในวันที่จัดงานเทศกาลไหว้พระจันทร์” ในสารนั้นเขียนว่า “คืนนี้ในเวลายาม 3 จงสังหารทหารมองโกลพร้อมกัน” พอถึงเวลายาม 3 ชาวจีนก็ได้สังหารทหารมองโกลพร้อมกันและได้ทำการปฏิวัติขับไล่ชาวมองโกลให้ออกไปจากจีน ทำให้ท้ายที่สุดคนจีนก็สามารถกอบกู้เอกราชและอิสระภาพกลับคืนมาได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ คนจีนก็มีการทำขนมไหว้พระจันทร์และรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ชาวจีนสามารถกอบกู้ชาติจากชาวมองโกลได้สำเร็จ
4. แล้วทำไมเทศกาลไหว้พระจันทร์ถึงใช้ “กระต่าย” เป็นสัญลักษณ์ ?
สาเหตุที่คนจีนใช้ “กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์” ก็เพราะว่ากระต่ายมีความสำคัญและมีที่มาจาก “ตำนานกระต่ายตำยา” ซึ่งที่เป็น 1 ในตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ หรือ ตำนานกระต่ายตำยา ( 玉兔捣药 ) ได้ถูกเล่าขานกันว่า มีกระต่ายตัวหนึ่งที่อยู่บนดวงจันทร์และทำหน้าที่ปรุงยาให้กับ “ฉางเอ๋อร์” เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ มีครั้งหนึ่งที่เมืองปักกิ่งเกิดโรคระบาดเกิดขึ้นครั้งใหญ่ พระนางฉางเอ๋อร์จึงได้ส่งกระต่ายและให้แปลงกายเป็นมนุษย์เพื่อมารักษาโรคให้กับชาวบ้าน หลังจากที่ชาวบ้านหายไข้และสถานการณ์โรคระบาดได้สิ้นสุดลง กระต่ายจึงแปลงร่างกลับคืนและเดินทางกลับขึ้นไปยังดวงจันทร์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาชาวบ้านจึงมีการกราบไหว้บูชาเทพเจ้ากระต่ายและใช้ “กระต่าย” เป็น 1 ในสัญลักษณ์ของเทศกาลวันไหว้พระจันทร์
5. “ไส้” ของขนมไหว้พระจันทร์ มีความหมายว่ายังไงบ้าง ?
คนจีนเชื่อว่าขนมไหว้พระจันทร์ในแต่ละไส้ จะมีความหมายและให้โชคในเรื่องที่แตกต่างกัน ไส้ที่นำมาใช้ในการทำขนมไหว้พระจันทร์ส่วนใหญ่จะทำมาจากผลไม้และก็พวกประเภทธัญพืช เดี๋ยวมาดูกันดีกว่าค่ะว่าในแต่ละไส้มีความหมายว่ายังไงกันบ้าง
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องของเงินทองโชคลาภ ควรทานไส้ถั่ว หรือ ไส้ที่ทำมาจากธัญพืช 5 ชนิด
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องของความฉลาดหลักแหลมและสมองไว ควรทานไส้ทุเรียน
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องของความรัก ควรทานไส้เกาลัด
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องของอายุยืนยาว ควรทานไส้เม็ดบัว
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องของอำนาจและบรามี ควรทานไส้งาดำ
– ถ้าต้องการเสริมในเรื่องการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆให้ผ่านไปด้วยดีและราบรื่น ควรทานไส้ลูกพลัม
6.ลวดลายบนหน้าขนมไหว้พระจันทร์มีหลายหน้าที่แตกต่างกัน แล้วในแต่ละลวดหลาย มีความหมายว่ายังไงบ้างละ ?
ในลวดลายบนหน้าขนมไหว้พระจันทร์นอกจากจะมีไว้ประดับเพื่อความสวยงามแล้ว คนจีนก็ยังได้ใส่ความเชื่อในเรื่องต่างๆ ลงไปบนลวดลายของหน้าขนมไหว้พระจันทร์อีกด้วย
ลายหน้ากวาง หมายถึง ขอให้ทำอะไรก็สมหวังสมปรานา
ลายหน้าดอกมะม่วง หมายถึง ขอให้ร่ำรวย มีโชคลาภ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ
ลายหน้าพระจันทร์ใบไม้ไผ่ หมายถึง ขอให้ก้าวหน้าและมั่นคง
ลายหน้ากุหลาบ หมายถึง ขอให้โชคดีในเรื่องของความรัก
7. ประเภทของขนมไหว้พระจันทร์มีอะไรบ้าง ?
หลายคนอาจจะคิดว่าขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นไหนก็หน้าตาคล้ายๆ กันทั้งนั้นแหละ แต่ในความเป็นจริงแล้วขนมไหว้พระจันทร์ในแต่ละท้องถิ่นนั้นมีลักษณะและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์เซี่ยงไฮ้ เนื้อแป้งที่ใช้ทำขนมจะมีกลิ่นเนยหอมนำ แต่ตัวของไส้ขนมจะปรับสูตรมาจากขนมไหว้พระจันทร์แบบกวางตุ้ง
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์ยูนนาน ไส้เค็มจะใช้แฮมที่มีรสชาติจัดจ้านในการทำ ส่วนไส้หวานจะมีกลิ่นกุหลาบที่เด่นชัดและมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์แต้จิ๋ว แป้งจะสลับชั้นไปมา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ ขนมไหว้พระจันทร์ 1000 ชั้น” เอกลักษณ์ของขนมแต้จิ๋วจะเน้นรสชาติที่มีรสหวาน
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์ฮกเกี้ยน มีลักษณะกลมแบนและมีสีขาวนวล จะใช้ขนมไหว้พระจันทร์เป็นขนมนำโชคให้กับนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังจะเตรียมสอบ
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์ซูโจว มีไส้และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น แป้งมีขนาดบางและซ้อนทับกันจนกลายเป็นชั้นแป้งที่หนา
ขนมไหว้พระจันทร์สไตล์กวางตุ้ง มีลักษณะคล้ายดอกบัวและมีสีน้ำตาลทอง ไส้จะเน้นเป็นรสหวานและมีหลายรสชาติให้เลือกทาน
ฮอเปี๊ยะ เป็นขนมที่มีขนาดเล็กและราคาถูกจึงกลายเป็นขนมยอดฮิตที่คนมักจะนิยมทานกันตลอดทั้งปี ไม่ได้ทานเพียงแค่ในช่วงเทศกาล
เนื่องในโอกาสเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ปี 2024 นี้ ทางคลินิก Deep & Harmonicare IVF Center ก็ขออวยพรให้ทุกมีความสุข สุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา การมั่นคั่ง ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรานาและเจอแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตค่ะ “สุขสันต์เทศกาลวันไหว้พระจันทร์นะคะ 中秋节快乐”