การรู้เวลาตกไข่ของตนเองช่วยกำหนดจังหวะเวลาการร่วมรักกับคุณสามีและมีโอกาสตั้งท้องตามต้องการ คุณผู้หญิงควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลา 1-2 วัน ก่อนวันตกไข่ไปจนถึง 24 ชั่วโมงหลังการตกไข่ เป็นจังหวะที่มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุดเนื่องจากอสุจิมีชีวิตอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้ถึง 5 วัน แต่ไข่จะมีอายุอยู่ได้เพียง 12-24 ชั่วโมงหลังการตกไข่เท่านั้น
แล้ว วันไข่ตก หรือ ovulation คืออะไร?
ไข่ตก (Ovulation) คือ ช่วงเวลาที่ไข่สุกเต็มที่โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนลูทีไนซิง (Luteinizing Hormone) เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ปล่อยไข่และเคลื่อนตัวไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการผสมกับอสุจิในทุก ๆ เดือน กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน นับระยะเวลารอบละประมาณ 25-35 วัน(ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) โดยไข่จะเติบโตเต็มที่ในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งสลับกันไปและจะถูกปล่อยออกจากรังไข่ จากนั้น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น เพื่อให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ จนกลายเป็นตัวอ่อนไปฝังตัวที่ผนังมดลูกและเจริญเติบโต แต่หากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกและหลั่งออกมาเป็นประจำเดือน
ทำไมคุณแม่จึงควรนับวันไข่ตก?
วันไข่ตกนั้นถือว่าเป็นมีความสำคัญสำหรับผู้ที่อยากมีลูก หรือกำลังวางแผนจะมีลูก เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีไข่ตกนั้น จะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น ถ้าหากนับวันไข่ตกได้แม่นยำ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้มากขึ้น
วันไข่ตก ที่ว่าที่คุณแม่ควรรู้: อาการแบบนี้….ใช่แน่?
ถ้าเป็นอาการตอนมีประจำเดือนอาจจะยังพอนึกออกบ้าง แต่เวลาที่ไข่ตก อาการมันจะเป็นแบบไหนกันนะ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยคิดถึงอาการวันไข่ตกมาก่อน เพราะเรามีเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมงในการปฎิบัติการ ก่อนไข่จะสลายไป เพื่อให้มีโอกาสท้องได้ง่ายขึ้น หากเรารู้ว่าไข่กำลังจะตก จะทำให้ง่ายขึ้นต่อการวางแผนมีลูกค่ะ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการตกไข่ ก็จะมีดังนี้
- ปวดท้องจากไข่ตก (Mittelschmerz) ช่วงที่ไข่ตก หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกปวดบริเวณเชิงกรานเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากการที่ถุงรังไข่มีการแตกออก และปล่อยของเหลวและเลือดเล็กน้อยเพื่อทำการปล่อยเอาไข่ที่สุกแล้วออกมา
- อาการไข่ตกตัวร้อน คือ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย ช่วงเวลาไข่ตก ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นเล็กน้อยประมาณครึ่งองศาเซลเซียส (Basal body temperature increase)
- ปากมดลูกนิ่มขึ้น เปิดกว้างขึ้น
- เจ็บคัดตึงเต้านม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้กรดไขมันกาโมลีนิก (Gamolenic Acid) ลดลง จึงทำให้มีอาการปวดและคัดตึงเต้านม
- ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงไข่ตกเลือดจะไหลมาหล่อเลี้ยงช่องคลอดมากเป็นพิเศษ และสร้างน้ำหล่อลื่นมากขึ้นเพื่อง่ายต่อการมีเพศสัมพันธ์
- ท้องอืดหรือท้องผูก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลให้ระบบย่อยอาหารมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลง
หากเช็กอาการตกไข่แล้ว คุณแม่ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ก็อาจจะลองใช้ชุดตรวจไข่ตกในการตรวจสอบวันไข่ตกดูได้ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นับวันไข่ตกได้อย่างแม่นยำ
ชุดตรวจไข่ตก (LH ovulation test) ในปัจจุบันมีชุดตรวจการตกไข่ โดยจะเป็นการตรวจหาฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteinizing hormone – LH) ในปัสสาวะ ซึ่งปกติแล้วแล้วร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน LH ออกมาในปริมาณน้อย จนถึงระยะ “ก่อนเวลาตกไข่” ฮอร์โมน LH จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการตกไข่จะเกิดภายในเวลา 12-48 ชั่วโมง
สิ่งที่ควรรู้เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
การเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ในช่วงวันไข่ตกสามารถทำได้ ดังนี้
- การนับรอบเดือน หรือ การนับวันไข่ตก การคำนวณวันตกไข่จะใช้ได้เฉพาะกับผู้หญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอเท่านั้น การนับวันไข่ตก จะนับในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนรอบใหม่จะมา เช่น ผู้หญิงที่มีรอบเดือน 28 วัน วันไข่ตกจะอยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบเดือน) เมื่อนับวันไข่ตกได้แล้ว ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันไข่ตกประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้อสุจิเข้าไปรอผสมกับไข่ก่อนวันไข่ตก
- การมีเพศสัมพันธ์บ่อยขึ้น โอกาสตั้งครรภ์อาจเพิ่มสูงขึ้นหากคู่รักมีเพศสัมพันธ์ทุกวันหรือ 2-3 วัน/สัปดาห์ เนื่องจาก ไข่มีอายุประมาณ 24 ชั่วโมงในท่อนำไข่ เพื่อรอการผสมกับอสุจิ ส่วนอสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในช่องคลอดได้ประมาณ 48-72 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน หากมีเพศสัมพันธ์บ่อยขึ้นอาจเพิ่มโอกาสที่อสุจิจะเข้าไปรอผสมกับไข่ได้มากขึ้น
- การรักษาน้ำหนัก ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือน้ำหนักน้อยเกินไปส่วนใหญ่อาจประสบภาวะตกไข่ผิดปกติ จึงอาจส่งผลให้การนับวันไข่ตกผิดพลาดได้ จึงควรรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
อาการช่วงไข่ตก จะเกิดขึ้นนานกี่ชั่วโมง?
ช่วงที่ไข่ตก จะเกิดขึ้นไม่นาน เพียง 12-24 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการคุมกำเนิด จะมีโอกาสสูงที่อสุจิกับไข่จะเกิดการปฏิสนธิ และนำไปสู่การตั้งครรภ์
อาการหลังไข่ตกแล้วท้อง เป็นอย่างไร?
หลังจากไข่ตกออกจากรังไข่ และเคลื่อนตัวไปยังท่อนำไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการคุมกำเนิด อสุจิกับไข่ก็จะเกิดการปฏิสนธิกัน หลังจากที่ปฏิสนธิแล้วก็จะเคลื่อนตัวไปยังโพรงมดลูก และทำการฝังตัวอ่อนลงในโพรงมดลูก เพื่อเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป
ซึ่งหลังจากที่มีการฝังตัวอ่อนแล้ว ก็จะถือว่าการตั้งครรภ์ได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ จากนั้นไปอีกไม่กี่สัปดาห์คุณแม่หลาย ๆ คนก็จะเริ่มมีอาการของคนท้อง เช่น ประจำเดือนขาด แพ้ท้อง เป็นต้น
หากเกิดการปฏิสนธิหลังไข่ตก ร่างกายจะเริ่มแสดงอาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์เมื่อไหร่?
การตั้งครรภ์เกิดขึ้นภายใน 12-24 ชั่วโมงหลังการตกไข่ เนื่องจากไข่ที่ปล่อยออกมาจะสามารถอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมง หากพ้นไปจากนั้นอสุจิจะไม่สามารถปฏิสนธิได้อีกต่อไป
และหลังจากนั้นอีกราว ๆ 14-15 วัน ก็จะพบกับสัญญาณแรกที่ชัดเจนที่สุดของการตั้งครรภ์คือ การขาดประจำเดือน
อย่างไรก็ตาม แม้อาการขาดประจำเดือนจะเป็นสัญญาณแรก ๆ ที่บอกว่ากำลังตั้งครรภ์ แต่หลังจากที่มีการปฏิสนธิและฝังตัวอ่อนแล้วราว ๆ 5-6 วัน อาจพบว่ามีเลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งเกิดจากการที่ตัวอ่อนฝังตัวในโพรงมดลูก รวมถึงยังอาจมีอาการคนท้องอื่น ๆ เช่น ปวดตะคริวบริเวณท้องน้อย อารมณ์แปรปรวน หรือเจ็บเต้านม
อาการหลังไข่ตก 14 วัน หากประจำเดือนไม่มา แปลว่าตั้งครรภ์หรือไม่?
ปกติแล้วหลังจากวันไข่ตกไป 14-15 วัน แล้วประจำเดือนยังไม่มา ก็หมายความว่าอาจมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่หลักเกณฑ์นี้ใช้ได้เฉพาะคนที่มีประจำเดือนมาเป็นปกติและสม่ำเสมอเท่านั้น
ผู้ที่มีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมาไม่ตรงกันในแต่ละเดือน อาจจะต้องสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถทำการตรวจครรภ์หลังจากวันที่คาดว่าจะมีการตกไข่ไปราว ๆ 12-14 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เร็วที่สุดที่จะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้้
Q&A เรื่อง อาการไข่ตก…ที่หลายคนสงสัย
1.ปวดท้อง ช่วงไข่ตก ผิดปกติหรือไม่
อาการปวดท้องไข่ตกนั้นเป็นอาการที่พบได้ปกติในช่วงไข่ตก มีสาเหตุมาจากการที่ถุงรังไข่มีการแตกออก และปล่อยของเหลวและเลือดเล็กน้อยเพื่อทำการปล่อยเอาไข่ที่สุกแล้วออกมา
2.ไข่ตก 2 ใบ อาการเป็นอย่างไร
ไข่ตก 2 ใบ เกิดจากการที่ฮอร์โมนในร่างกายกระตุ้นให้มีการตกไข่ 2 ใบ หากมีการปฏิสนธิทั้ง 2 ใบ ก็จะมีการตั้งท้องแฝด (แฝดเทียม) เกิดขึ้น
3.มีมูกไข่ตกแปลว่าท้องไหม
มีมูกไข่ตก แปลว่ามีการตกไข่ นั่นคือสิ่งที่แน่นอน
แต่ถ้ามีมูกไข่ตก และมีการตกไข่ แต่ไม่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงนั้น หรือมีเพศสัมพันธ์แต่มีการคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
4.อาการหลังไข่ตก 7 วัน หากมีการตั้งครรภ์ แม่จะมีอาการอะไรบ้าง
หลังจากที่มีการปฏิสนธิและฝังตัวอ่อนแล้วราว ๆ 5-6 วัน อาจพบว่ามีเลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งเกิดจากการที่ตัวอ่อนฝังตัวในโพรงมดลูก รวมถึงยังอาจมีอาการคนท้องอื่น ๆ เช่น ปวดตะคริวบริเวณท้องน้อย อารมณ์แปรปรวน หรือเจ็บเต้านม
5.อาการไข่ตก รู้สึกหน่วงท้อง ผิดปกติหรือไม่
อาการปวดหน่วงหรือปวดคล้ายเป็นตะคริวที่ท้องในช่วงที่มีไข่ตกนั้นถือว่าเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไป ซึ่งเกิดจากการที่ถุงรังไข่มีการแตกออก และปล่อยของเหลวและเลือดเล็กน้อยเพื่อทำการปล่อยเอาไข่ที่สุกแล้วออกมา
6. คัดเต้าหลังไข่ตก แบบนี้ท้องหรือเปล่า
หากมีอาการคัดเต้าเกิดขึ้นหลังจากไข่ตกผ่านไปแล้ว 14-15 วัน หรือนานกว่านั้น อาจเป็นไปได้ว่ากำลังตั้งครรภ์ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำ ควรทำการตรวจด้วยชุดตรวจครรภ์ หรือไปเข้ารับการตรวจครรภ์โดยตรงกับแพทย์
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ดังนี้
สนใจติดต่อ : Deep & Harmonicare IVF Center ศูนย์ปรึกษาการตั้งครรภ์ และ รักษาภาวะมีบุตรยาก
สอบถามการรักษามีลูกยาก : LINE : @dhcivf.th
ติดตามข่าวความรู้เรื่องรักษามีบุตรยาก ได้ที่
FACEBOOK : Deep & Harmonicare IVF Center
ติดต่อเรา : 093-7891313