You are here:
- Home
- Page
ทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และอิ๊กซี่ (ICSI)
- การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
IVF เด็กหลอดแก้ว (In-Vitro Fertilization) เป็นกระบวนการที่ไข่ของผู้หญิงผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ หลังจากปฏิสนธิสำเร็จ ตัวอ่อนจะถูกย้ายกลับเข้าสู่มดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ วิธีนี้เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากทั่วไป เช่น ปัญหาท่อนำไข่อุดตันหรือปัญหาคุณภาพอสุจิ
- การทำอิ๊กซี่ (ICSI)
เด็กหลอดแก้ว ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) เป็นการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพหรือจำนวนอสุจิที่ต่ำ หรือคู่สมรสที่เคยทำ เด็กหลอดแก้ว IVF แล้วไม่สำเร็จ
ความแตกต่างระหว่าง IVF และ ICSI
- กระบวนการ IVF คือเซลล์ไข่และตัวอสุจิ ถูกนำไปวางผสมกันในจานเพาะเลี้ยง โดยปล่อยให้ตัวอสุจิว่ายเข้ามาผสมกับเซลล์ไข่เองตามธรรมชาติ อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถทำการปฏิสนธิกับไข่ได้
- กระบวนการ ICSI จะคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์เพียงตัวเดียว และใช้เข็มแก้วขนาดเล็ก เจาะเปลือกไข่ ฉีดตัวเชื้อเข้าไปในเซลล์ของไข่โดยตรง ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ วิธี ICSI สามารถเพิ่มอัตราการปฏิสนธิให้ผลที่ดีมาก
ซึ่งทั้ง IVF และ ICSI คือมีขั้นตอนการตรวจโครโมโซม ที่ สามารถเห็นโครโมโซมเพศได้ จึงสามารถทราบเพศก่อนย้ายน้องเข้าสู่โพรงมดลูกได้ และตามกฎหมาย จริงๆแล้วไม่สามารถ ICSI หรือ IVF เลือกเพศได้ เพราะเป็นการคัดเลือกตัวอ่อนตัวย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเท่านั้น โดยแพทย์จะพิจารณาตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติและสมบูรณ์ที่สุด ไม่ได้พิจารณาจากเพศ นอกจากนี้ตามประกาศแพทยสภาในเรื่องมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์จะมีข้อกำหนดเรื่องการเลือกเพศของลูกในเรื่องดังกล่าว การดูเพศลูกของคู่รักที่มีลูกยากและอยากมีลูก จะดำเนินการได้ผ่านการตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อน ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก จะทำได้เฉพาะการตรวจวินิจฉัยโรคตามความจำเป็น และต้องไม่กระทำในลักษณะการเลือกหรือกำหนดเพศ โดยสถานพยาบาลและแพทย์ผู้ให้บริการต้องได้รับหนังสือรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้ แต่หากคู่รักที่ทำ ICSI ร่วมกับวิธีการตรวจ NGS โครโมโซมตัวอ่อน ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก จะสามารถรู้เพศของตัวอ่อน ทั้งหมดนี้เป็นแค่ผลพลอยได้ที่ทำให้ทราบถึงเพศลูกเพียงเท่านั้น แต่ถ้าต้องการเลือกเพศลูกเลยโดยที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องพันธุกรรมมาก่อนจะยังทำไม่ได้เพราะยังผิดกฎหมายของประเทศไทยอยู่
อัตราความสำเร็จ
- IVF: มีโอกาสสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 40-50% ขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพของผู้หญิง
- ICSI: มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นที่ประมาณ 50-70% เนื่องจากการปฏิสนธิเกิดขึ้นโดยตรง
การทำเด็กหลอดแก้วแฝด
ทั้งการทำ IVF และ การทำ ICSI สามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์แฝดได้ เนื่องจากมีการย้ายตัวอ่อนหลายตัวกลับเข้าสู่มดลูก อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์แฝดอาจมีความเสี่ยงและต้องการการดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด
ขั้นตอนในการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI)
วันที่ 1-3 ของรอบประจำเดือน แพทย์จะทำอัลตราซาวน์ดูจำนวนฟองไข่ตั้งต้น และเจาะเลือดฮอร์โมน จากนั้นจะให้ยาฉีดการกระตุ้นไข่ ประมาณ 8-12 วัน เพื่อให้ได้เซลล์ไข่จำนวนหลายใบซึ่งมีคุณภาพที่ดีแล้ว เมื่อฟองไข่มีขนาดที่เหมาะสมแพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่ออกมา จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน จะนำไข่เหล่านั้นมาผสมกับอสุจิที่ผ่านการเตรียมและคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์ โดยห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อสุจิ จากนั้นนำมาเก็บไว้ในตู้สำหรับเลี้ยงตัวอ่อนเพื่อปล่อยให้อสุจิได้ทำการปฏิสนธิกับไข่และทำการตรวจผลการปฏิสนธิหลังจากนั้นประมาณ 16-18 ชั่วโมง และเลี้ยงตัวอ่อนเหล่านั้นไปประมาณ 5-6 วัน
การย้ายตัวอ่อน (Embryo Transfer)
การย้ายตัวอ่อน (ET) ใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก จะทำหลังจากเก็บเซลล์ไข่และปฏิสนธิกับอสุจิแล้ว ซึ่งจะสามารถย้ายได้ตั้งแต่ตัวอ่อนระยะวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 ซึ่งแบ่งเป็นการย้ายตัวอ่อนรอบสด (Fresh ET) และรอบแช่แข็งได้ (Frozen-thawed ET) โดยการย้ายตัวอ่อนแต่ละแบบนั้นขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ในแต่ละราย
การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เหมาะสำหรับ
- ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติของท่อนำไข่ที่ตีบหรือตันทั้งสองข้าง
- ฝ่ายหญิงมีภาวะตกไข่ผิดปกติ (PCOS)
- ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- คู่สมรสที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ฝ่ายชายมีปัญหาเชื้ออสุจิมีจำนวนน้อยหรือคุณภาพไม่ดี
- ภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ
อัตราการตั้งครรภ์ จากวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI)
โดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จของวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) จะค่อนข้างสูง อยู่ที่ 50-70% โดยอัตราการประสบความสำเร็จ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่
- อายุของฝ่ายหญิง
- คุณภาพของเซลล์ไข่และอสุจิ
- คุณภาพของตัวอ่อน และความผิดปกติของโครโมโซมของตัวอ่อน
- ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ใส่ตัวอ่อน
- ความผิดปกติของมดลูก และเยื่อบุโพรงมดลูก
ข้อดีของการทำ ICSI
- เป็นวิธีที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุดในปัจจุบัน
- สามารถรักษาหลากหลายปัญหามีบุตรยาก
- ผู้หญิงทำหมันแล้วก็ทำได้
- ผู้ชายที่มีอสุจิต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสามารถทำ IVF ได้
- สามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อนได้
ข้อเสียของการทำ ICSI
- มีราคาสูงกว่า IUI
- มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า
- ใช้เวลาหลายวัน
- ในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่ เช่น ภาวะฟองไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
ทำเด็กหลอดแก้วราคาเท่าไหร่
ราคาการทำเด็กหลอดแก้วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของผู้หญิงและสุขภาพของทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมีราคาทำเด็กหลอดแก้วเพิ่มเติมจากกระบวนการอื่นๆ โดยราคาเด็กหลอดแก้วอาจแตกต่างกันไปตามศูนย์รักษา
ติดต่อเรา
การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF และ ICSI เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร และควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ของแต่ละท่าน การเลือกคลินิกเวชกรรมที่มีคุณภาพและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การรักษาประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวัง ติดต่อสอบถาม ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมกับแพทย์เฉพาะทางได้แล้ววันนี้
Deep & Harmonicare IVF Center ศูนย์ให้บริการรักษา ภาวะผู้มีบุตรยาก ด้วยมาตรฐาน JCI และเครื่องมือที่ทันสมัยระดับสากล👏🏻🥇กับ%ความสำเร็จที่มากขึ้น 🌱พร้อมให้บริการ และ คำปรึกษา ทักมาหาเราได้เลยค่ะ
-————————————————
สามารถ add line , Inbox หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
Tel: 0937891313
Website: https://dhcivfthai.com
Email: [email protected]
Facebook: Deep & Harmonicare IVF Center Global
YouTube: deep harmonicare
Instagram: @dhcivf.th
Line: @dhcivf.th
Deep & Harmonicare IVF Center
https://goo.gl/maps/unBQie5wSkkSU1eNA
https://www.youtube.com/watch?v=lOCtVKI2kYE
Testimonial ICSI
ความประทับใจ จากคุณแม่คนใหม่ ที่ปล่อยมานานกว่า 5 ปี
ปัญหาเรื่องฟองไข่เหลือน้อย ก็สำเร็จได้
พบปัญหาช็อกโกแลตซีสต์ จึงตัดสินใจรักษาด้วยวิธีการ ICSI
Success Case
FAQ
Q: การทำ ICSI เหมาะกับใคร
A: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหามีบุตรยาก แต่งงานมาหลายปี ลองรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น IUI มาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ หรือ คู่สามีภรรยาที่มีอายุมากกว่า 35 ปี หรือ ผู้ชายที่เป็นหมัน น้ำเชื้อน้อย สเปิร์มไม่แข็งแรง หรือ ผู้หญิงที่มีปัญหาที่มดลูก ตัดปีกมดลูก ท่อนำไข่ตีบ ตัน คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น คนที่มีกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) หรือ มีถุงน้ำรังไข่ เป็นต้น
Q: ย้ายตัวอ่อนรอบสดหรือแช่แข็งดีกว่ากัน
A: โดยปกติแล้วการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าการย้ายตัวอ่อนรอบสดเนื่องจาก ผนังมดลูกจะพร้อมรับตัวอ่อนได้มากกว่า และผู้ป่วยได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมของมดลูกให้พร้อมก่อนการย้ายตัวอ่อน
Q: การดึงเซลล์จากตัวอ่อนเพื่อไปตรวจโครโมโซมจะส่งผลทำให้เด็กมีความพิการในอนาคตหรือไม่
A: ไม่ส่งผลเนื่องจากเซลล์ที่ดึงไปตรวจเป็นเซลล์ที่จะเจริญเติบโตไปเป็นรกไม่ใช่ส่วนเซลล์ที่เจริญเติบโตไปเป็นตัวเด็ก
Q: เพราะเหตุใดจึงต้องเลี้ยงตัวอ่อนภายนอก 5 วัน ถ้าเลี้ยงนานกว่านี้ (เช่น 6-8 วัน) จะมีผลดีกว่าหรือไม่
A: การเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกมดลูกเป็นเวลา 5 (เป็นตัวอ่อนระยะ Blastocyst) เพื่อเป็นการคัดกรองตัวอ่อนที่สามารถเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ตามวัยได้ตามธรรมชาติ และเพื่อที่จะสามารถเลือกตัวอ่อนที่โตตามเกณฑ์และมีคุณภาพดีใส่กลับเข้าสู่โพรงมดลูก สาเหตุที่ไม่เลี้ยงตัวอ่อนนานกว่า 5 วัน (6 วันเป็นอย่างมาก) เนื่องจากหลังจากวันที่ 5-6 ตามธรรมชาติตัวอ่อนจะเริ่มฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว
Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว?
A: โดยทั่วไป การทำเด็กหลอดแก้วมักเป็นเป็นวิธีสำหรับผู้ที่ใช้วิธีอื่นๆแล้วไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเงื่อนไขทางสุขภาพที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อาจใช้วิธี ICSI ทั้งนี้ จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
Q: ก่อนทำ ICSIต้องตรวจอะไรบ้าง
A: เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มกระบวนการ เช่นการตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคที่ส่งต่อไปสู่ลูก การตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ และอัลตราซาวน์เพื่อประเมินระบบสืบพันธุ์ในฝ่ายหญิง
Q: การทำเด็กหลอดแก้วมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
A: ค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วของแต่ละท่านไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณและยาที่ใช้ในการกระตุ้นรังไข่ การเลี้ยงตัวอ่อน ค่าห้องผ่าตัดที่ใช้เพื่อเก็บไข่และย้ายตัวอ่อนและการตรวจเลือดหรือตรวจอัลตร้าซาวน์เพื่อติดตามในระยะต่างๆ การทำเด็กหลอดแก้ว 1 รอบ อาจมีราคาประมาณ 200,000-350,000 บาท
Q: เด็กที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ จะมีความแตกต่างจากเด็กที่เกิดตามธรรมชาติหรือไม่
A: จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าเด็กที่เกิดจากวิธีช่วยเจริญพันธุ์ไม่มีความแตกต่างจากเด็กที่เกิดโดยวิธีธรรมชาติ
Other Service
ฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI)
ทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และผสมเทียมด้วยการทำอิ๊กซี่ (ICSI)